ไม่ว่าใครก็อยากที่จะมี “สระว่ายน้ำ” สวย ๆ ไว้ในบ้าน เพราะนอกจากจะไว้ใช้ทำกิจกรรมทางน้ำต่าง ๆ เช่น ว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำกับคนในครอบครัวแล้ว สระว่ายน้ำยังทำให้บ้านสวยงามและดูสดชื่นขึ้นด้วย สำหรับท่านใดที่วางแผนจะติดตั้งสระว่ายน้ำ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกติดตั้งระบบสระว่ายน้ำ Overflow หรือ ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ดี? เจาะลึกความแตกต่างของระบบสระว่ายน้ำทั้งสองกัน ใครที่อยากรู้ว่าบ้านของตัวเองเหมาะกับระบบสระแบบไหน? ห้ามพลาดบทความนี้เลย!
ทำความรู้จักระบบหมุนเวียนน้ำของสระว่ายน้ำกันก่อน
ก่อนที่จะไปดูว่า ระบบสระว่ายน้ำ Overflow กับระบบสระว่ายน้ำ Skimmer มีความแตกต่างกันอย่างไร คุณควรที่จะทำความรู้จักกับระบบการทำงานของสระว่ายน้ำกันก่อน โดยสระว่ายน้ำในปัจจุบันจะใช้น้ำด้วยระบบหมุนเวียน ซึ่งน้ำในสระจะถูกส่งไปยังระบบกรองและระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อที่จะได้น้ำที่สะอาด และส่งกลับมาที่สระ เราเรียก 1 รอบการกรองนี้ว่า “1 Turnover” และ Overflow กับ Skimmer ก็คือระบบหมุนเวียนสระว่ายน้ำที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
ระบบสระว่ายน้ำ Overflow คืออะไร?

ระบบสระว่ายน้ำ Overflow หรือที่เรียกว่า “ระบบน้ำล้น” หรือ “Infinity Edge” คือ ระบบหมุนเวียนน้ำด้วยการดันน้ำขึ้นจากพื้นสระ ซึ่งจะทำให้สิ่งสกปรกและตะกอนถูกดันไปยังรางน้ำล้นที่อยู่รอบสระด้วย หลังจากนั้นน้ำจะไหลไปยังถังสำรองน้ำ (Surge Tank) แล้วตัวปั๊ม จะดูดน้ำจากถังสำรองน้ำเข้าไปผ่านระบบกรองและระบบฆ่าเชื้อโรค เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ทำให้น้ำใสสะอาด และปล่อยน้ำกลับเข้าสู่สระอีกครั้ง
จุดเด่นของระบบสระว่ายน้ำ Overflow
- ผิวน้ำจะอยู่บริเวณขอบสระพอดี ทำให้มีความสวยงาม
- ผิวน้ำจะดูสะอาดตลอดเวลา เพราะสิ่งสกปรกจะถูกดันออกจากสระตลอดเวลา
จุดด้อยของระบบสระว่ายน้ำ Overflow
- ต้องใช้พื้นที่ในการสร้างทั้งสระว่ายน้ำ และถังสำรองน้ำ จึงทำให้มีต้นทุนสูงกว่า
- ระยะเวลาหมุนเวียนน้ำจะยาวนานกว่าระบบสระว่ายน้ำ Skimmer
ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer คืออะไร?

ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer คือ ระบบหมุนเวียนน้ำด้วยอุปกรณ์ที่มีชื่อเรียกว่า “Skimmer Box” ที่ติดตั้งอยู่บริเวณขอบสระว่ายน้ำ โดยน้ำจะถูกส่งเข้าทางปากของ Skimmer ส่งตรงไปยังระบบการกรองและระบบฆ่าเชื้อโรค เพื่อทำให้น้ำสะอาดและส่งกลับเข้ามาในสระว่ายน้ำอีกครั้ง
จุดเด่นของระบบสระว่ายน้ำ Skimmer
- ไม่ต้องใช้ถังสำรองน้ำ (Surge Tank) ทำให้ใช้น้ำน้อยลง
- ระยะทางที่น้ำไหลผ่านสั้น
- ไม่ต้องทำพื้นที่น้ำล้น ทำให้ประหยัดต้นทุนในการสร้างสระว่ายน้ำได้มาก
จุดด้อยของระบบสระว่ายน้ำ Skimmer
- ระดับน้ำต่ำกว่าขอบสระ ประมาณ 15 – 20 เซนติเมตร อาจทำให้สระน้ำดูไม่สวยงามมากนัก
- อาจมีตะกอนอยู่ใต้พื้นสระ หรือทำให้ผิวน้ำบางจุดดูไม่สะอาดมากนัก
ระบบสระว่ายน้ำแต่ละประเภท ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
การติดตั้งระบบสระว่ายน้ำทั้ง 2 ประเภทจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแต่ละประเภทต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง มาดูกัน
1. ระบบสระว่ายน้ำ Overflow ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
- ถังสำรองน้ำ (Surge Tank)
- รางน้ำล้น (Overflow Gutter)
- ปั๊มน้ำหมุนเวียน
- เครื่องกรองน้ำ
- ระบบท่อน้ำเข้า-ออก
- หัวจ่ายน้ำที่ผนังสระ
- ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า
- ไฟใต้น้ำ
- อุปกรณ์วัดและควบคุมค่า pH และคลอรีน
- ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
2. ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง
- Skimmer Box
- ปั๊มน้ำหมุนเวียน
- เครื่องกรองน้ำ
- ระบบท่อน้ำเข้า-ออก
- หัวจ่ายน้ำที่ผนังสระ
- ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า
- ไฟใต้น้ำ
- อุปกรณ์วัดและควบคุมค่า pH และคลอรีน
- ชุดอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
ระบบบำบัดน้ำคืออะไร
ระบบบำบัดน้ำเป็นส่วนสำคัญของระบบสระว่ายน้ำที่ทำหน้าที่รักษาคุณภาพน้ำให้สะอาด ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับการใช้งาน โดยระบบจะทำการกรองสิ่งสกปรก ปรับสมดุลค่า pH และฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องมีการควบคุมและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำมีคุณภาพได้มาตรฐานและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน
อุปกรณ์ที่ใช้ในระบบบำบัดน้ำ
ระบบบำบัดน้ำประกอบด้วยอุปกรณ์หลายส่วนที่ทำงานร่วมกันเพื่อรักษาคุณภาพน้ำ ได้แก่
- เครื่องกรองทราย (Sand Filter)
- เครื่องผลิตคลอรีน
- เครื่องวัดและควบคุมค่า pH
- ปั๊มจ่ายสารเคมี
- ระบบควบคุมอัตโนมัติ
- อุปกรณ์วัดค่าคุณภาพน้ำ
- ถังเก็บสารเคมี
ขั้นตอนการดูแลระบบสระว่ายน้ำและระบบำบัดน้ำ
การดูแลรักษาระบบสระว่ายน้ำและระบบบำบัดน้ำอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพน้ำให้ดีอยู่เสมอ ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้
- ตรวจวัดค่า pH และคลอรีนในน้ำ พร้อมปรับค่าให้เหมาะสมทุกวัน
- ทำความสะอาดตะกร้าดักผงและสกิมเมอร์ทุกสัปดาห์
- ล้างย้อนเครื่องกรองทุก 1-2 สัปดาห์
- ดูดตะกอนและทำความสะอาดผนังสระทุก 2 สัปดาห์
- ตรวจเช็คการทำงานของระบบกรองและอุปกรณ์ต่าง ๆ ทุก 3 เดือน
- เปลี่ยนทรายกรองทุก 3-5 ปี
ควรเลือกระบบสระว่ายน้ำ Overflow หรือ ระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ดี?

จะเห็นได้ว่า ทั้งระบบสระว่ายน้ำ Overflow และระบบสระว่ายน้ำ Skimmer ต่างมีจุดเด่นและจุดด้อยที่แตกต่างกัน ถ้าหากคุณไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ระบบสระว่ายน้ำไหนดี สามารถดูได้จากจุดเด่นจุดด้อยเหล่านี้เลย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการสระว่ายน้ำมีความสวยงาม มีพื้นที่เพียงพอ และมีงบประมาณสูง ระบบสระว่ายน้ำ Overflow นับว่าตอบโจทย์ที่สุด แต่ถ้ามีพื้นที่จำกัด ต้องการลดต้นทุน ก็จะเหมาะกับระบบสระว่ายน้ำ Skimmer มากกว่า